Apple ขอโทษแล้ว หลังกระแสดราม่า โฆษณา Ipad pro รุ่นใหม่ บดขยี้เครื่องดนตรี ทำคนดูไม่อินตาม
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า แอปเปิลได้ออกมาขอโทษ ภายหลังที่มีกระแสวิจารณ์สนั่นโซเชียล ถึงโฆษณาโปรโมท ไอแพด โปร 2024 ที่แสดงสิ่งของต่างๆ รวมถึงเครื่องดนตรีและหนังสือ ถูกบดขยี้ด้วยเครื่องอัดไฮดรอลิก…
โดยตัวโฆษณาดังกล่าวมีความยาว 1 นาที ‘Crush!’ พยายามแสดงให้เห็นว่า แท็บเล็ตรุ่นล่าสุดของแอปเปิลมีประสิทธิภาพอย่างไร เช่น การดูรายการโทรทัศน์ ฟังเพลง และเล่นวิดีโอเกม
ในขณะเดียวกันก็ชี้ให้เห็นว่า ไอแพดรุ่นใหม่นี้มีความบางเป็นพิเศษ ผ่านรูปแบบธีมวิดีโอทำลายเครื่องดนตรี ชิ้นงานศิลปะต่างๆ ที่ผลสุดท้ายทุกอย่างถูกทำลายจนหมดสิ้น ซึ่งมารวมอยู่ในไอแพดรุ่นนี้
ล่าสุด ทางนายทอร์ มายห์เรน รองประธานฝ่ายสื่อสารการตลาดของแอปเปิล ได้ออกแถลงการณ์ต่อกระแสดราม่าที่เกิดขึ้นว่า โฆษณาดังกล่าวไม่บรรลุเป้าหมายในการเพิ่มขีดความสามารถและเฉลิมฉลองให้กับการสร้างสรรค์โฆษณา
“เป้าหมายของเรา คือ การเฉลิมฉลองให้กับวิธีที่ผู้ใช้แสดงออก และนำแนวคิดของตนไปใช้จริงผ่านไอแพดด้วยวิธีการที่หลากหลาย แต่เรากลับพลาดเป้าหมายจากโฆษณานี้ และเราขออภัยอย่างยิ่ง”
แอปเปิล กล่าวอีกด้วยว่า วิดีโอนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อแสดงให้เห็นว่าความคิดสร้างสรรค์ ถูกบีบอัดลงในไอแพด โปร รุ่นล่าสุดอย่างไร ขณะที่บรรดาคนดัง ต่างแสดงปฏิกิริยาในเชิงลบต่อการทำลายล้างที่ปรากฏในโฆษณานี้
ขณะเดียวกัน โพสต์ใน X ชื่อเดิม ทวิตเตอร์ของ นายทิม คุก ซีอีโอของแอปเปิล เกี่ยวกับไอแพด โปร ที่เขาขอให้ผู้คน “จินตนาการถึงทุกสิ่งที่ไอแพดจะสามารถสร้างสรรค์ได้” กลับถูกหลายคนตำหนิว่า เป็นการแสดงให้เห็นว่า เขาไม่ได้สนใจต่อดราม่าที่เกิดขึ้น
โดย นายจัสติน เบทแมน นักแสดงและผู้สร้างภาพยนตร์ ซึ่งมักวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการใช้เอไอในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ กล่าวว่า โฆษณาของแอปเปิลกำลัง “บดขยี้ศิลปะ” พร้อมทั้งยังชี้ให้เห็นความกังวลในอุตสาหกรรมการสร้างสรรค์ ที่ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) กำลังเข้ามาแย่งงานของมนุษย์อีกด้วย
apple เหยียดเกิน
โดยชาวเน็ตได้ออกมาแสดงความเห็นใต้โพสต์นายทิม คุก กันอย่างดุเดือด โดยมีคนหนึ่งกล่าวว่า “น่ารังเกียจอย่างยิ่ง” และอีกคนบอกว่า ทำให้พวกเขารู้สึก “ละอายใจที่จะซื้อผลิตภัณฑ์ของ แอปเปิล” เช่นกัน
ทั้งนี้ จากกระแสดราม่าในเชิงลบ ทำให้แผนการที่จะฉายโฆษณาชิ้นนี้บนจอโทรทัศน์ตามที่ Apple วางไว้ กลับต้องยุติลง แต่วิดีโอดังกล่าวยังคงอยู่บนแพลตฟอร์ม YouTube ต่อไป แม้ว่าจะมีการปิดช่องแสดงความคิดเห็นแล้วก็ตาม